เช้าวันเสาร์ที่ 16 พ.ค.64 ประเทศจีนได้ประกาศความสำเร็จในการส่งอวกาศยานไปลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคาร นับเป็นชาติที่สองในภารกิจการลงจอดบนดาวอังคารต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ภารกิจนี้มีชื่อคือภารกิจเทียนเวิน-1 (Tianwen-1) ซึ่งเป็นการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์อย่างอิสระครั้งแรกของจีน โดยอวกาศยานประกอบด้วยยานโคจร (Orbiter), ยานลงจอด (Lander) และยานโรเวอร์ (Rover) ไดร้บการยิงนำส่งด้วยจรวดนำส่งลองมาร์ช-5 (Long March-5) เมื่อ 23 ก.ค.63 และด้วยการเดินทาง 470 ล้านกิโลเมตร อวกาศยานเทียนเวิน-1 เดินทางถึงวงโคจรรอบดาวอังคารเมื่อเดือน ก.พ.64
หลังจากโคจรรอบดาวอังคารประมาณสามเดือน ส่วนอวกาศยานเทียนเวิน-1 คือยานลงจอดและยานโรเวอร์ได้แยกตัวออกจากยานโคจร โดยเริ่มเดินทาลดความสูงลงสู่บริเวณยูโทเปีย แพลนิเทีย (Utopia Planitia) ซึ่งต้องผ่านชั้นบรรยากาศของดาวอังคารอันเป็นขั้นตอน 7 นาทีแห่งความน่ากลัว (Seven Minutes of Terror) สำหรับการลงจอด ซึ่งก่อนหน้านี้อวกาศยานขององค์การนาซาได้เผชิญเพื่อลงจอดบนดาวอังคารอย่างปลอดภัยมาแล้ว โดยในการลงจอดครั้งนี้อวกาศยานมีลักษณะแคปซูล มีร่มชูชีพและจรวดทำงานร่วมกันอย่างเป็นชั้นตอนสำหรับการลงจอด
อวกาศยานได้ลงจอดอย่างสมบูรณ์เมื่อเวลา 07.18 วันเสาร์ที่ 15 พ.ค. 64 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ซึ่งตรงกับเวลา 06.18 วันเดียวกัน ตามเวลาประเทศไทย จากนั้นใช้เวลา 17 นาที สำหรับกางส่วนประกอบแผงโซลาเซลออกมาและส่งสัญญาณกลับสู่โลก
ด้วยระยะทางระหว่างดาวอังคารกับโลกห่างกัน 320 ล้านกิโลเมตร ทำให้การติดต่อระหว่างอวกาศยานจากดาวอังคารกับโลกด้วยสัญญาณวิทยุใช้เวลา 18 นาที ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของจีนจะได้รับข้อมูลตามหลังเวลาที่เกิดขึ้นจริง
ยานโรเวอร์มีชื่อเรียก คือ Zhurong หมายถึงเทพเจ้าแห่งไฟ มีน้ำหนัก 240 กิโลกรัม ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติสำหรับการปฏิบัติภารกิจ 90 วันในการสำรวจและวิเคราะห์พื้นที่ ตลอดจนสภาพอากาศ สนามแม่เหล็ก และบริเวณใต้ผิวดิน โดยติดตั้งอุปกรณ์สำคัญ 6 ส่วนคือ กล้องถ่ายภาพแบบ Panoramic และ Multispectral สำหรับการถ่ายภาพและส่งกลับมาสู่โลก, Climate Station สำหรับการตรวจสภาพอากาศบริเวณพื้นผิว, Magnetometer คือเครื่องวัดสนามแม่เหล็ก, Ground-Penetrating Radar คือเรดาร์สำหรับการตรวจสภาพใต้พื้นดิน และ Laser-Induced Breakdown Spectroscopy Instrument เป็นอุปกรณ์สำหรับการวิเคราะห์สารด้วยการตรวจวัดการเปล่งแสงของธาตุด้วยแสงเลเซอร์
ก่อนหน้านี้ได้มีภารกิจการเดินทางไปสู่ดาวอังคารสองภารกิจ คือ Emirates Mars Mission (EMM) เป็นการส่งอวกาศยานโฮป (Hope) ซึ่งแปลว่าความหวัง เข้าสู่วงโคจรรอบดาวอังคาร และภารกิจการสำรวจดาวอังคารของอวกาศยานเพอเซอเวอเรนซ์ (Perseverance) ขององค์การนาซา ซึ่งลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารเช่นเดียวกันโดยได้มีเฮลิคอปเตอร์อินเจนนิวตี้บินบนดาวอังคารครั้งแรก เมื่อรวมกับภารกิจครั้งนี้ของจีน เห็นได้ว่าเป็นการส่งอวกาศยานไปในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เนื่องจาก Launch Window หรือช่วงเวลาการปล่อยสำหรับการส่งอวกาศยานไปดาวอังคารมีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้รับการคำนวณเชิงกลศาสตร์การโคจร (Orbital Mechanics) เพื่อให้ไปเจอดาวอังคารที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์เหมือนกับโลก หากไม่ทำการส่งไปในช่วงนี้จะทำให้พลาดการเจอกับดาวอังคาร ซึ่งต้องรอเวลาใหม่โดยใช้เวลา
วัตถุประสงค์สำหรับภารกิจการส่งอวกาศยานไปดาวอังคารในทุกครั้งมีลักษณะเหมือนกันคือเพื่อค้นหาหลักฐานสภาวะที่อาจทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีพได้เนื่องจากมีหลักฐานเกี่ยวกับพื้นผิวดาวอังคารมีร่องรอยของแหล่งน้ำ อันทำให้เกิดความหวังว่าดาวอังคารอาจจะเป็นที่อยู่ของมนุษย์แห่งแรกนอกโลกในอนาคตต่อไป
แปลและเรียบเรียง : นาวาอากาศเอก พนม อินทรัศมี
ที่มาของข่าว :
วันอาทิตย์ ที่ 16 พ.ค.64