รัสเซียทำการยิงนำส่งอวกาศยานสำหรับลงจอดบนดวงจันทร์ เมื่อวันศุกร์ ที่ 11 สิงหาคม 2566 นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี และจะทำการ่อนลงจอดบริเวณขั้วดวงจันทร์ด้านใต้ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นบริเวณที่มีร่อยรอยของน้ำแข็งในบริเวณนี้
อวกาศยานทำหน้าที่นำส่งครั้งนี้คือจรวดนำส่ง Soyuz-Fregat ได้เริ่มเคลี่อนที่ขึ้น (Lift Off) เมื่อเวลา 02.11 ใช้เช้าวันศุกร์ (ตามเวลากรุงมอสโค) จากท่าอวกาศยาน Vostochny Cosmodrome ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมอสโคไปทางทิศตะวันออก 5,550 กิโลเมตร (3,450 ไมล์) โดยจรวดนำส่งติดตั้งอวกาศยาน Luna 25 สำหรับเดินทางต่อไปดวงจันทร์ และเพียงหนึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มออกเดินทาง Luna 25 ได้เคลื่อนที่ออกจากวงโคจรรอบโลกเข้าสู่ Lunar Transfer Orbit มุ่งสู่ดวงจันทร์
การเดินทางนั้นจะใช้เวลา 5 วันถึงดวงจันทร์ และโคจรรอบดวงจันทร์ 5 – 7 วันก่อนที่จะลดระดับความสูงลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ คาดว่าจะลงจอบบนดวงจันทร์ในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 แต่สำหรับตำแหน่งลงจอดนั้นจะเป็นหนึ่งในสามของพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้บริเวณขั้วดวงจันทร์ด้านใต้ (Moon South Polar)
อวกาศยาน Luna 25 มีการออกแบบให้เป็นลักษณะ Lunar Lander ซึ่งเป็นอวกาศยานสามารถลงจอดบนพื้นผิวได้ มีน้ำหนักประมาณ 1,750 กิโลกรัม (3,858 ปอนด์) เป็นจรวดสองส่วน (2 Stages) โดยส่วนล่าง (Lower Stage) มีส่วนขาสำหรับลงพื้น (Landing Leg) จำนวน 4 ขา รวมถึงมีเครื่องยนต์ และส่วนเก็บเชื้อเพลิง
สำหรับส่วนล่าง (Lower Stage) เป็นส่วนของฮาร์ดแวร์ที่มีความซับซ้อน โดยอวกาศยานนี้ใช้แผงโซลาร์เซลล์สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งได้นำอุปกรณ์ทดลอง 8 ประเภทอยู่ภายใน รวมถึงอุปกรณ์ Gamma-Ray and Neutron Spectrometer สำหรับศึกษาพื้นผิวดวงจันทร์ อุปกรณ์ Infrared Spectrometer สำหรับการตรวจหาพื้นผิวน้ำแข็ง รวมถึงอุปกรณ์ Panoramic Imaging System สำหรับการจับภาพ และส่วนแขนยืดออกมายาว 1.6 เมตร (5.25 ฟุต) ซึ่งมีด้านปลายเป็นช้อนตัก (Scoop) สำหรับขุดลงไปในพื้นผิวและตักตัวอย่างสารในพื้นผิวแล้วส่งมายังในตัวอวกาศยานเพื่อทำการวิเคราะห์ด้วยเลเซอร์ (Laser) และด้วยอุปกรณ์ Gamma-Ray and Neutron Spectrometer
การทำงานของอวกาศยาน Luna-25 สามารถปฏิบัติงานบนดวงจันทร์ได้ประมาณ 1 ปีบริเวณพื้นที่ขั้วดวงจันทร์ด้านใต้
รัสเซียเคยส่งอวกาศยานปราศจากมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์มาแล้วคืออวกาศยาน Luna 24 ภายใต้ประเทศรัสเซียขณะนั้น โดยเริ่มเดินทางเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2519 โดยสามารถลงจอดบนดวงจันทร์ได้บริเวณ Mare Crisium (Sea of Crisis) และกลับมายังโลกเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2519 พร้อมกับนำดินตัวอย่างของดวงจันทร์ (Lunar Sample Soil) 170 กรัมกลับมาด้วย
ขณะที่รัสเซียได้ส่ง Luna 25 ไปลงบนดวงจันทร์นั้น เป็นเวลาเดียวกับอวกาศยาน Chandrayaan 3 Lunar Rover ของอินเดีย ซึ่งเริ่มเดินทางเมื่อ 14 กรกฎาคม 2566 กำลังเดินทางถึงดวงจันทร์และจะทำการลงจอดบริเวณขั้วดวงจันทร์ด้านใต้ เช่นเดียวกับ Luna 25 ทำให้อวกาศยานทั้งสองชาติอาจลงจอดในช่วงเวลาเดียวกัน
ผู้เกี่ยวข้องด้านอวกาศสนใจพื้นที่ขั้วดวงจันทร์ด้านใต้อย่างมาก เนื่องจากบริเวณนี้อาจมีน้ำแข็งรอบปล่องภูเขา (Craters) ซึ่งน้ำแข็งเหล่านี้สามารถนำมาละลายให้เป็นน้ำสำหรับดื่ม หรือเปลี่ยนเป็นออกซิเจน รวมทั้งสามารถเป็นเชื้อเพลิงโฮโดรเจนออกซิเจนสำหรับจรวด (Hydrogen-Oxygen Rocket Fuel) ได้
การเดินทางไปลงบนดวงจันทร์เป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าแต่ละชาติสามารถดำเนินการได้ แต่ยากสำหรับการประสบความสำเร็จ โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2566 บริษัท Ispace ประเทศญี่ปุ่น ส่งอวกาศยาน Hakuto (ภาษาญี่ปุ่นแปลว่ากระต่ายขาว) ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ แต่ร่วงตกและระเบิดขณะที่มีความสูงเหนือพื้นผิวเพียง 10 เมตรก่อนลงจอด
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2562 อวกาศยาน Bersheet ประเทศอิสราเอล เดินทางไปดวงจันทร์ โดยขณะเคลื่อนที่อยู่ที่ความสูง 149 เมตร เหนือพื้นผิวดวงจันทร์ อวกาศยานเกิดการหมุนและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ตกลงมาสู่พื้นผิวดวงจันทร์ และเมื่อเดือนกันยายน 2562 เช่นเดียวกัน อวกาศยาน Chandrayaan 2 เดินทางไปดวงจันทร์ โดยสามารถเข้าสู่วงโคจรรอบดวงจันทร์ได้และลงจอดบนดวงจันทร์ ชุดการขับเคลื่อนสำหรับเบรก (Braking Thruster) เกิดความผิดพลาด ทำให้อวกาศยานตกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์และระเบิด
อุปสรรคที่ทำให้เกิดความยานต่อการลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ของอวกาศ เช่น การไม่มีชั้นบรรยากาศทำให้ร่มสำหรับกางในการลงจอดไม่สามารถทำงานได้ พื้นผิวดวงจันทร์มีลักษณะไม่เรียบมีความสูงที่แตกต่างกันทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวการลงจอดในช่วงสุดท้ายหรือกล่าวได้ว่าวินาทีสุดท้าย อีกทั้งอาจมีเมฆฝุ่นบนพื้นผิวดวงจันทร์ เรียกว่า Mascons หรือ Mass Concentratations-Dense ส่งผลต่อการตรวจจับของกล้องบนอวกาศยานขณะทำการลงจอด รวมถึงสารโลหะที่หลงเหลืออยู่จากอุกาบาตที่ตกและมอดไหม้อยู่ในผิวของดวงจันทร์ตั้งแต่อดีต ทำให้แรงดึงดูดดวงจันทร์มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้สามารถเปลี่ยนแนวิถีการลงจอดขณะที่กำลังเคลื่อนที่ลดความสูงสู่พื้นผิวดวงจันทร์
หน่วยงานรับผิดชอบต่อภารกิจนี้ของรัสเซียคือ Roscosmos มีแผนการหลังจากภารกิจ Luna 25 แล้วจะมีภารกิจของอวกาศยาน Luna 26 ในปี 2570 สำหรับการสแกนพื้นผิวดวงจันทร์สำหรับสิ่งที่อยู่ภายในน้ำแข็งและมีประโยชน์ จากนั้นจะมีอวกาศยานอีกลำที่จะเดินทางไปสำรวจพื้นที่ขั้วดวงจันทร์ด้านใต้ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่าที่ใช้กับ Lunar 25 แต่ยังไม่ประกาศว่าเป็นปีใด
ตามแผนการยิงนำส่งอวกาศยาน Luna 25 มีกำหนดการในเดือนตุลาคม 2564 แต่มีปัญหาด้านเทคนิคทำให้โครงการนี้เกิดความล่าช้า อีกทั้งองค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency : ESA) มีส่วนร่วมกับโครงการนี้โดยต้องการติดตั้งอุปกรณ์ Pilot-D Navigation Camera สำหรับทดสอบไปกับอวกาศยาก แต่เกิดเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนทำให้องค์การบริหารยุโรปยกเลิกการติดตั้งกล้องตัวนี้ และรัสเซียต้องเสียเวลาสำหรับดัดแปลงอวกาศยานเพิ่มเติมส่งผลให้การยิงนำส่งต้องล่าช้าออกไป
กล่าวได้ว่านีล อาร์มสตรอง (Niel Armstrong) คือบุคคลที่เหยียบพื้นผิวดวงจันทร์คนแรกของโลก เมื่อปี 2512 แต่ความจริงแล้วเคยมีอวกาศยานของรัสเซีย (โซเวียตในขณะนั้น) Luna 2 เดินทางไปยังพื้นผิวดวงจันทร์เมื่อปี 2502 โดยเริ่มเดินทางเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2502 และอีกสองวันต่อมาคือวันที่ 14 กันยายน 2502 อวกาศยาน Luna 2 ขาดการติดต่ออย่างกระทันหันซึ่งบ่งชี้ว่าอวกาศยาน Luna 2 ตกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์บริเวณ Palus Putredinus ทำให้อวกาศยานลำนี้เป็นอวกาศยานลำแรกซึ่งตกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเป็นครั้งแรกสำหรับอวกาศยานตกลงบนพื้นผิวดวงดาวอื่นในระบบสุริยจักรวาล ต่อมาความพยายามของรัสเซียมาสำเร็จในภารกิจ Luna 9 เมื่อปี 2509 และรัสเซียกำลังรผลของภารกิจ Luna 25 ซึ่งกำลังดำเนินการขณะนี้สำหรับความก้าวหน้าในการสำรวจอวกาศที่ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจ ไม่ใช่เพียงสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวที่เคยแข่งขันมาในยุคการแข่งขันด้านอวกาศ (Space Race)
แปลและเรียบเรียง : นาวาอากาศเอก ดร.พนม อินทรัศมี
วันอาทิตย์ ที่ 13 สิงหาคม 2566
ที่มาของข่าว :
–https://time.com/6303012/russia-new-moon-rocket/
–https://www.nytimes.com/2023/08/10/science/russia-moon-launch.html
–https://nssdc.gsfc.nasa.gov/nmc/spacecraft/display.action?id=1959-014A
–https://nssdc.gsfc.nasa.gov/nmc/spacecraft/display.action?id=LUNA-25
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้